อัปเดตเมื่อ 12 ก.พ. 2563

กระแสนิยมปากสวยดูอวบอิ่มสุขภาพดีกำลังมาแรงมากๆ จากทางฝั่งดาราในฮอลลีวูด ส่วนทางฝั่งไทยก็มาแรงไม่แพ้กัน ทำให้สาวๆ ในไทยอยากจะมีปากสวยน่าจุ๊บกันดูบ้าง

ทุกวันนี้วิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็หนีไม่พ้นฟิลเลอร์ปาก เพราะฉีดแล้วเห็นผลทันที ปรับรูปทรงได้ แถมยังไม่ต้องผ่าตัดอีกด้วย
มีฟิลเลอร์หลายประเภทที่สามารถฉีดบริเวณปากได้แต่ฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดคือฟิลเลอร์ที่มีสารคล้าย Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว สามารถช่วยเติมเต็มริมฝีปากให้ดูอวบอิ่มขึ้นได้
ฟิลเลอร์ที่ปลอดภัยสูงชนิดนี้เรียกว่า Hyaluronic Acid Fillers
ครั้งนึงคอลลาเจนเคยเป็นฟิลเลอร์ยอดนิยม แต่ด้วยการวิจัยและเทคโนโลยีใหม่ๆ ทำให้มีตัวเลือกของฟิลเลอร์เพิ่มขึ้นที่ปลอดภัยและอยู่ได้นานกว่า
บริเวณริมฝีปากยังสามารถใช้วิธีฉีดไขมันเข้าไปได้แต่ทางการแพทย์ไม่ได้ใช้วิธีนี้มากนักในปัจจุบัน เพราะผลลัพธ์ที่ไขมันจะคงอยู่ในแต่ละคนนั้นต่างกันและมีผลข้างเคียงมากกว่า Hyaluronic Acid Fillers
ฟิลเลอร์ปาก ทำอะไรได้บ้าง

อยู่ได้นานกี่เดือน
ฟิลเลอร์ปากสามารถอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน หรือน้อยกว่านั้น แล้วทำไมถึงอยู่ได้ไม่นานเท่าฟิลเลอร์บริเวณอื่น? นั่นเป็นเพราะว่าเมื่อมีแรงมากระทำในบริเวณที่ฉีด หรือขยับเคลื่อนไหวตลอด จะส่งผลให้ฟิลเลอร์สลายหมดเร็วขึ้น

ฟิลเลอร์ยี่ห้อต่างๆที่นิยมใช้ฉีดบริเวณปาก
1. Restylane, Restylane-L, Restylane SilkJuvederm Ultra,
2. Juvederm Ultra Plus, Juvederm Volbella XC
3. Belotero Balance
4. Elevess
Hyaluronic Acid Fillers ยี่ห้อเหล่านี้ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน
ข้อดีของการฉีดปากด้วยฟิลเลอร์
แพทย์สามารถฉีดและควบคุมปริมาณของฟิลเลอร์ในแต่ละบุคคลได้
ถ้ารู้สึกว่าน้อยไปหรืออยากปรับรูปทรง ก็สามารถฉีดเพิ่มเติมได้ในระยะเวลาไม่เกิน 2 สัปดาห์
ถ้าฉีดไประยะนึงแล้วอยากกลับไปเหมือนก่อนฉีด ให้ขยับปาก, นวดบ่อยๆ ฟิลเลอร์จะสลายเร็วขึ้น
ช้ำน้อย แน่นอนว่าอาจจะมีรอยช้ำและบวมได้ แต่ก็น้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับสารเติมเต็มประเภทอื่นๆ
"ไม่พบผู้แพ้ฟิลเลอร์"
เนื่องจากสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid นั้นคล้ายกับสารที่พบในร่างกายจึงไม่น่าจะทำให้เกิดอาการแพ้ แต่ถ้าคุณมีอาการแพ้ Lidocaine (ยาชา) ควรแจ้งแพทย์ก่อนรับการฉีดฟิลเลอร์

ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก
1. ปรึกษาแพทย์ บอกรูปทรงที่อยากได้
2. ก่อนอื่นพยาบาลจะทำการประคบเย็นบริเวณริมฝีปากเพื่อให้ชาก่อน ซึ่งจะช่วยลดอาการบวมหรือช้ำได้
ในคนไข้บางรายอาจมีการฉีดยาชาบล๊อกเส้นประสาทก่อน ซึ่งตัวยาชานี้จะคล้ายกับตอนที่ทันตแพทย์ใช้เพื่อถอนฟัน
3. แพทย์ทำเครื่องหมายบริเวณที่จะฉีดฟิลเลอร์
4. ในระหว่างการฉีด พยาบาลจะประคบเย็นเบาๆ เป็นระยะๆ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บและควบคุมอาการบวม
5. ใช้เวลาฉีดไม่นานประมาณ 15 นาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคนิคของแพทย์แต่ละบุคคลด้วย
6. ควรหลีกเลี่ยงลิปสติกหรือผลิตภัณฑ์ทาริมฝีปากอื่นๆ ในทันทีหลังจากทำหัตถการ
*ควรจะสังเกตเห็นความแตกต่างได้ทันทีหลังฉีด หลังจากหายริมฝีปากบวมดีแล้ว ก็จะรู้สึกเป็นธรรมชาติ
หากต้องการปรับรูปทรง สามารถนัดหมายแพทย์ให้ปรับทรงได้ภายใน 2 สัปดาห์

มีผลข้างเคียงแค่ไม่กี่วัน
มีเลือดออกจากบริเวณที่ฉีด
เนื่องจากริมฝีปากค่อนข้างบางจะมีอาการบวมหรือช้ำหลังฉีดได้ แต่จะหายไปภายใน 1 - 2 สัปดาห์
มีรอยแดงจากเข็มเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด จะหายไปเองใน 2 - 3 วัน
ถ้าภูมิคุ้มกันตกหรือพักผ่อนไม่เพียงพออาจมีโอกาสเกิดตุ่มน้ำใส (เริม) บริเวณริมฝีปากได้ และหายไปใน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ หากกังวล สามารถนัดหมายแพทย์ที่ดูแลเคสเพื่อตรวจอาการได้

ถ้ามีอาการรุนแรงเหล่านี้พบแพทย์ดีกว่าน้าาา
บวมหรือช้ำติดต่อกัน 1 สัปดาห์ถึง 10 วัน
บางส่วนของปากมีขนาดแตกต่างกัน
เป็นก้อนหรือมีสิ่งผิดปกติอยู่ที่ริมฝีปาก
มีอาการติดเชื้อ ปวดแผล
ฉีดเข้าเส้นเลือด ทำให้เสียเนื้อเยื่อริมฝีปากไป
มีแผล สัมผัสแล้วแข็งไม่อ่อนนุ่ม
มีอาการแพ้ เกิดผื่นแดงบวม หรือมีอาการคัน
พบแพทย์ทันทีหากมีอาการบวมมากหรือมีไข้ร่วมด้วย
ถูกและดีใช้ไม่ได้กับฟิลเลอร์
จริงอยู่ว่าใครๆ ก็อยากจ่ายในราคาน้อยๆ แต่ราคาที่ต่ำเกินไป ก็มีความเสี่ยงว่าอาจจะเป็นฟิลเลอร์ปลอม คงไม่มีใครอยากเสี่ยงกับการฉีดฟิลเลอร์ที่ราคาถูกเกินไปจริงไหม ?

ปัจจัยที่ทำให้ฟิลเลอร์มีราคาสูง
ประสบการณ์ของแพทย์
ปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้
ยี่ห้อของฟิลเลอร์เนื้อนิ่ม
ประเทศที่อยู่อาศัย
คลินิกแต่ละที่บวกราคาค่าดำเนินการไม่เท่ากัน
คนส่วนใหญ่ฉีดฟิลเลอร์ปากประมาณ 1 - 2 ซีซี ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ระหว่าง 12,990 - 22,990 บาท
ทั้งนี้ฟิลเลอร์เนื้อแข็งสำหรับฉีดคางหรือขมับจะราคาถูกกว่า 1 ซีซี จะอยู่ที่ 7,500 บาท
ควรฉีดฟิลเลอร์ปากดีไหม ?
ถ้ามีความคิดอยากเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ ทาลิปสติก แต่งหน้าถ่ายรูปแล้วดูสวยขึ้น ทำให้มีความสุขและไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน พร้อมแล้วก็มาฉีดได้เลยยย

เว้นเสียแต่ว่ามีปัญหาเหล่านี้ ถึงจะไม่แนะนำให้ฉีด
มีอาการติดเชื้อที่ริมฝีปาก (เริม)
โรคเบาหวาน
มีปัญหาการแข็งตัวของเลือด
โรคแพ้ภูมิตัวเอง (โรคพุ่มพวง)
พบแพทย์ควรปรึกษาอะไรบ้าง ?
ถ้าเคยเป็นโรคเริมมาก่อน แม้ว่าจะหายดีแล้ว ก็ควรแจ้งแพทย์ก่อน
ถ้ามีอาการแพ้ Lidocaine (ยาชา)
แจ้งยาที่กำลังทาน ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ วิตามิน หรืออาหารเสริม
ควรฉีดที่ไหนดี เลือกไม่ถูกเลย ?
ก่อนอื่นต้องพิจารณาคลินิกที่มีมาตรฐาน และมีใบรับรองในการเปิดสถานพยาบาล ดูสะอาดและน่าเชื่อถือ ใช้ตัวยาฟิลเลอร์แท้ มี อย. สามารถตรวจสอบได้ก่อนฉีด สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ แพทย์มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์สูง ไว้วางใจได้ โดยแพทย์ที่สามารถฉีดหัตถการให้ได้แก่
แพทย์ผิวหนัง
ศัลย์แพทย์พลาสติก
ศัลย์แพทย์ตกแต่งใบหน้า
โดยคุณอาจลองทักไปถามรายละเอียดข้อมูล ราคา กับคลินิกที่สนใจดูก่อนเพื่อพิจารณาตัวเลือกที่ดีที่สุดในการฉีดฟิลเลอร์ปาก

ก่อนฉีดควรหาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน เพราะการฉีดฟิลเลอร์ปากนั้นจะมีความเสี่ยงสูงมากหากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์ แพทย์ที่ไม่มีใบประกอบการ หรือสถานพยาบาลไม่สะอาด นอกจากนี้อาจจะขอดูรูปเคสรีวิวก่อน - หลังฉีดกับทางคลินิกก่อน เพื่อประกอบการตัดสินใจ ถ้าข้อมูลแน่นและเตรียมตัวใจมาพร้อมแล้ว ก็ไปคลินิกที่เลือกไว้แล้วได้เลย !
อ้างอิง
https://www.webmd.com/beauty/cosmetic-procedures-lip-augmentation#1