อัปเดตเมื่อ 23 เม.ย. 2563
ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ
ไม่ว่าใครก็อยากมีตวงตาที่ดูสวยสดใสกันทั้งนั้น แต่อายุยิ่งเพิ่มร่องใต้ตาก็ดูจะลึกขึ้นไปทุกที ไหนจะบวกกับสภาพรอยคล้ำใต้ตา ที่ไม่ว่าจะเกิดจากการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอก็ดี หรือเกิดจากอาการภูมิแพ้ก็ดี ก็ยิ่งทำให้หน้าตาดูสูงกว่าวัย ดูโทรมเข้าไปกันใหญ่
ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่า ร่องลึกใต้ตาเกิดจากอะไร ?
เกิดจากการเสื่อมสภาพของผิวตามวัย ยิ่งอายุมากร่องลึกรอบดวงตาก็จะยิ่งขยายกว้างมากขึ้น จนทำให้บริเวณใต้ตาเป็นร่องยุบตัวลึกลงไปทำให้หน้ามีอายุมากกว่าวัย ดูโทรม ไม่สดใส
แล้วปัญหานี้จะแก้อย่างไรดี ?
การดื่มน้ำเยอะๆ มาส์กใต้ตา พักผ่อนให้เพียงพอ ต้องบอกเลยว่าไม่สามารถช่วยให้ผิวใต้ตาฟูขึ้นมาได้ อาจจะช่วยนิดๆ หน่อยๆ ในกรณีที่มีใต้ตาคล้ำ แต่กับคนที่เป็นภูมิแพ้จมูกอักเสบ (Allergic Rhinitis) ก็อาจจะใช้วิธีนี้ไม่ได้ผลเลยเพราะอาการคัดจมูกเรื้อรัง ทำให้เยื่อบุจมูก (Turbinate) บวมจนเส้นเลือดดำไหลผ่านไม่สะดวก จนไปคั่งอยู่ที่บริเวณใต้ตาล่าง ส่งผลให้ใต้ตาดูคล้ำ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีตัวช่วย ลองมาดูกันว่ามีวิธีอะไรบ้างที่ช่วยรักษาร่องลึกใต้ตาและรอยคล้ำให้หายไปได้บ้าง
1. แพนด้าหลบไป คอนซีลเลอร์มาแล้ว
เหมาะกับคนที่มีรอยคล้ำใต้ตา + ร่องใต้ตาชั้นตื้น + งบไม่สูง
วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่รวดเร็วที่สุดด้วยการปรับสภาพผิวรอบดวงตาด้วยเครื่องสำอาง ใช้คอนซีลเลอร์เบสเกลี่ยให้เรียบเนียน เพื่อปรับสภาพผิวในจุดที่มีปัญหา ใช้แป้งฝุ่นปิดทับอีกที ทั้งนี้อาจจะเพิ่มการแต่งหน้าตามใจชอบได้ วิธีนี้จะช่วยให้ผิวใต้ตาดูสว่างขึ้น ช่วยพรางร่องลึกใต้ตาได้บ้างและปกปิดรอยคล้ำได้ดี
2. ฉีดเติมไขมันใต้ตา
เหมาะกับคนที่มีร่องใต้ตากว้างลึก + งบสูง
นับว่าเป็นวิธีที่ธรรมชาติที่สุด เป็นวิธีเติมเต็มร่องใต้ตาด้วยการฉีดไขมันของตัวเองที่นำมาจากบริเวณที่มีไขมันเกาะตัวกันเยอะเช่นหน้าท้องหรือต้นขา โดยมีหลักการว่าให้ไขมันติดกับเนื้อเยื่อภายในให้มากที่สุด เซลล์ไขมันที่ติดกับเนื้อเยื่อมากกว่า 6 เดือนจะคงอยู่ถาวร
ทั้งนี้เป็นเรื่องปกติที่เซลล์ไขมันอาจจะไม่ติดและสลายหายไประหว่างการรักษาอาการร่องลึกขึ้นอยู่กับธรรมชาติของแต่ละคนด้วย ดังนั้นคนไข้อาจจะต้องมาฉีดเติมเซลล์ไขมันเพิ่ม ข้อเสียคือมีโอกาสสูงที่เซลล์ไขมันจะไม่ติดกับเนื้อเยื่อและเราต้องเสียเงินเพิ่มเพื่อฉีดอีกครั้งหนึ่ง ส่วนข้อดีคือไม่มีอาการแพ้หลังฉีด
3. ฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์
เหมาะกับคนที่มีร่องใต้ตาทั้งตื้นและลึก + รอยคล้ำเล็กน้อย
เป็นการเติมเต็มด้วยสาร Hyaluronic Acid ที่มีการสังเคราะห์มาจากสารที่มีในร่างกายอยู่แล้ว มีความปลอดภัยสูงมากหากฉีดด้วยฟิลเลอร์แท้กับแพทย์ที่เชี่ยวชาญ ตัวฟิลเลอร์อยู่ได้ประมาณ 12 เดือนหลังจากนั้นจะสลายไปจนหมดเองตามธรรมชาติ วิธีนี้สามารถมั่นใจได้ว่าฉีดแล้วเติมเต็มร่องลึกได้แน่นอนหลังฉีดเห็นผลทันที ไม่เหมือนกับวิธีเติมเซลล์ไขมันที่ต้องลุ้นว่าที่ฉีดไปจะติดเนื้อเยื่อมั้ย
สามารถเติมฟิลเลอร์กี่ซีซีก็ได้ขึ้นอยู่กับความลึกของร่องใต้ตา เพียงแต่ถ้ายิ่งลึกค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นตามจำนวนซีซีที่เติมไปด้วย ในส่วนของรอยคล้ำการเติมสารฟิลเลอร์จะช่วยได้เล็กน้อย เนื่องจากร่องใต้ตาเมื่อเต็มแล้วจะทำให้แสงตกกระทบใต้ตาน้อยลง ทำให้ใต้ตาดูสว่างขึ้นได้
ความเป็นมาของฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ ได้ถูกพัฒนามา 100 กว่าปี แต่เพิ่งได้ถูกนำมาใช้หลังจากคิดค้น Hyaluronic Acid (HA) ซึ่งเป็นสารเติมเต็มได้สำเร็จ ในปี ค.ศ 1998 HA Filler ตัวแรกที่ได้ผ่านการรับรองจาก US FDA (องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา) คือยี่ห้อ Restylane จากประเทศสวีเดน
เริ่มมีการใช้ฟิลเลอร์ในประเทศไทยประมาณปี ค.ศ 1999 เพื่อการศึกษาและรักษาผู้ป่วยบางราย ปัจจุบันมีฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองจาก อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งประเทศไทย) ดังนี้
Restylane จากประเทศสวีเดน
Juvederm จากประเทศสหรัฐอเมริกา
Perfectha จากประเทศฝรั่งเศส
Belotero จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์
Neuramis จากประเทศเกาหลี
ยี่ห้อและรุ่นที่ฉีดบริเวณใต้ตาได้
Juvederm Volbella รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชา เป็น Vycross Technology ที่มีการยึดเกาะกันของพันธะ HA ทำให้โมเลกุลยึดเกาะแน่นขึ้น มีปริมาณ HA 15 ml. มีคุณสมบัติอุ้มน้ำสูง ฉีดแล้วฟูขึ้นกว่าปริมาณที่ฉีด ฉีดวันแรกอาจจะเหมือนไม่เปลี่ยนแปลง แต่ฟิลเลอร์จะฟูขึ้นในวันถัดไปดีสำหรับคนที่มีร่องลึกต้องการปริมาณเยอะหน่อย ช่วยประหยัดเงินได้ อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน เหมาะกับคนที่มีปัญหาร่องใต้ตาลึก รอยย่น หรือต้องการเติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่มแบบเป็นธรรมชาติ

Juvederm Volite เทคโนโลยีเดียวกับรุ่น Volbella มีปริมาณ HA 12 ml. และเป็นรุ่นล่าสุดของยี่ห้อ Juvederm มีความพิเศษที่เป็น HA Skin Booster มีโมเลกุลขนาดเล็ก เนื้อบางเบา มีความหนืดเล็กน้อย และนิ่มที่สุดในบรรดายี่ห้อ Juvederm เทียบกับรุ่นอื่นๆ รุ่นนี้เกลี่ยง่ายกว่าเพราะเนื้อเบา ฉีดแล้วเนียนเป็นธรรมชาติ สามารถฉีดลงไปยังชั้นหนังแท้ได้ โดยการฉีดจะเป็นการสะกิดตัวยาเข้าไปในชั้นผิวหนัง มีคุณสมบัติฟื้นฟูคอลลาเจน เติมความชุ่นชื้นให้กับผิว หลังฉีดอยู่ได้นานถึง 9 เดือน เหมาะกับคนที่ผิวบางมีปัญหาร่องใต้ตาตื้นๆ หลุมสิว ผิวขรุขระไม่เรียบเนียน ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น

Restylane Vital Light รุ่นนี้เป็น NASHA Technology (Non Animal Stabilized Hyaluronic Acid) ในอดีตฟิลเลอร์มีการสกัดคอลลาเจนจากสัตว์ ยี่ห้อนี้เป็นยี่ห้อแรกที่คิดค้นสารเติมเต็ม HA มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยสูง สำหรับรุ่น Vital Light มีปริมาณ HA 12 ml. เนื้อบางเบาแทบจะเหลวเป็นน้ำ เป็น Skin Booster ตัวยาจะฉีดกระจายในชั้นหนังแท้ มีคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีเยี่ยม ฟิลเลอร์ชนิดนี้จะไม่ฟูขึ้น ปริมาตรเท่าเดิม ทำให้ฉีดแล้วไม่บวมน้ำ อยู่ได้ประมาณ 9 เดือน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความชุ่มชื้นเป็นหลัก สามารถแก้ไขปัญหารอยคล้ำใต้ตา ร่องใต้ตาตื้นๆ หลุมสิว ต้องการผิวเรียบเนียนวาวฉ่ำน้ำ หรือคนที่ปากแห้งมากๆ ก็จะช่วยทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นแต่ไม่เพิ่มขนาดปากได้

Perfectha Fineline ยี่ห้อนี้เป็น E-Brid Technology มีปริมาณ HA 20 ml. มีความหนืดและยืดหยุ่นส่งผลให้ เมื่อขยับสีหน้าจะไม่ไหลค้างไปที่บริเวณอื่น ฟิลเลอร์จะกลับมาตำแหน่งเดิมเสมอ เมื่อฉีด HA เข้าไปใต้ผิวหนังจะช่วยปรับปรุงโครงสร้างให้แข็งแรงขึ้น มีความเป็นธรรมชาติ และมีคุณสมบัติอุ้มน้ำสูง ทนต่อการถูกทำลายด้วยเอนไซม์ของร่างกาย (Hyaluranidase) ทำให้อยู่ในระยะเวลาที่กำหนดได้ ที่สำคัญมีความปลอดภัยสูงมาก เนื่องจากปราศจากสาร BDDE ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ สำหรับรุ่นนี้เนื้อฟิลเลอร์ค่อนข้างคล้ายน้ำ มีอายุหลังฉีดประมาณ 4 - 6 เดือน เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยเริ่มต้น รอยย่นรอบดวงตา ริมฝีปากที่แห้งแตก และหลุมสิว

Belotero Soft รุ่นนี้มีส่วนผสมของยาชา ยี่ห้อนี้เป็น CPM Technology (Cohesive Polydensified Matrix) มีปริมาณ HA 20 ml. มีคุณสมบัติพิเศษคือมีความยืดหยุ่นสูงปรับสภาพได้ดีกับร่างกาย อีกทั้งมีคุณสมบัตินุ่มนอกแข็งใน (Polydensified) อธิบายให้เห็นภาพก็ประมาณหมวกกันน๊อกที่ชั้นนอกนุ่มใส่สบายแต่ภายในแข็งแรงรองรับแรงกระแทก ฟิลเลอร์ชนิดนี้ฉีดที่ผิวชั้นนอกได้โดยไม่เกิดรอยสีฟ้า หรือม่วงจางๆ ในชั้นผิวหนัง (Tyndall Effect) มีอายุ 12 เดือนโดยประมาณ เหมาะกับคนที่มีปัญหาริ้วรอยหน้าผาก หางตา หว่างคิ้ว รอยย่นใต้ตา ร่องแก้ม รวมถึงผิวขรุขระก็จะช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนได้

สรุปควรฉีดยี่ห้อไหน รุ่นอะไรดี ?
แพทย์ที่เชี่ยวชาญจะตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุด เพราะความกว้างลึก หรือรอยย่น ปัญหาของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน เพราะฉะนั้นควรจะปรึกษาแพทย์ รับการประเมินก่อนฉีดเพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและแก้ปัญหาได้ตรงจุด

ความปลอดภัยของฟิลเลอร์
การจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย ก่อนอื่นต้องตัดเรื่องราคาออกไปก่อนเลย ถ้าราคาถูกเกินไปเมื่อเทียบกับหลายๆ แห่ง สันนิษฐานได้เลยว่าอาจจะเป็นยาที่ไม่ได้มาตรฐาน
สิ่งสำคัญที่สุดของการฉีดสารเติมเต็มคือต้องเป็นยาแท้ที่สามารถตรวจสอบเลขทะเบียนได้ มีเอกสารยากำกับ
How To มั่นใจว่าปลอดภัย
100%
ตรวจสอบเลขทะเบียนก่อนฉีด
นำกล่องกลับบ้านเพื่อตรวจสอบภายหลังได้
สถานพยาบาลสะอาด
แพทย์มีความเชี่ยวชาญ
ไม่แพ้ Lidocaine (ยาชา)
ผลลัพธ์หลังการรักษาร่องใต้ตาลึก
ภาพก่อนหลัง - หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การดูแลและผลข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์


ติดต่อสอบถามข้อมูลฟิลเลอร์ใต้ตาเพิ่มเติมได้ที่
Line @botox
MRT รัชดา Exit 4 โทร. 097-027-0370
BTS ช่องนนทรี Exit 2 โทร. 091-723-9303
The Mall บางแค ชั้น 2 โทร. 083-019-2090
คลินิกเปิดทุกวัน 12:00 - 20:30